“มะเร็งลำไส้ใหญ่” คือ มะเร็งที่คร่าชีวิตชาวไทยมากเป็นอันดับต้น ๆ และยังมีอัตราการเกิดโรคที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น “การส่องกล้องตรวจลำไส้” จึงถูกหยิบมาใช้ในการหาความผิดปกติบริเวณลำไส้ เพื่อลดความสูญเสียและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้มากขึ้น

การตรวจส่องกล้องลำไส้ คือ?

การส่องกล้องตรวจลำไส้ (colonoscopy) คือ วิธีการที่ใช้ในการประเมินปัญหาในลำไส้ใหญ่ ด้วยการนำเอาท่อขนาดเล็กที่มีความยืดหยุ่น ติดกล้องและไฟไว้บริเวณส่วนปลาย สวนเข้าไปทางทวารหนักเพื่อตรวจหาพยาธิสภาพภายใน โดยภาพที่กล้องบันทึกได้จะแสดงบนหน้าจอโทรทัศน์ให้แพทย์เห็น และสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างแม่นยำกว่าการทำเอกซเรย์ ซึ่งหากพบความผิดปกติจะทำการตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจสอบต่อไป

ทำไมต้องตรวจส่องกล้องลำไส้?

• เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาอาการเลือดออกในลำไส้ใหญ่
• เพื่อตรวจหาสาเหตุหรือความผิดปกติของอุจจาระ อาทิ ท้องเสีย ท้องผูก อุจจาระมีเลือดปน มีติ่งเนื้อ ท้องอืด แน่นท้อง เป็นต้น
• เพื่อตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ และรักษากรณีมีเนื้องอกเจริญเติบโตบริเวณผนังลำไส้ใหญ่

อาการแบบไหนควรตรวจส่องกล้องลำไส้?

• มีอาการท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ
• อุจจาระมีสีแดงสดหรือคล้ำ มีเลือดปน และมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
• เมื่อเบ่งอุจจาระแล้ว มีติ่งเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนัก
• มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
• น้ำหนักลด ตัวซีด อ่อนเพลีย
• ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

การส่องกล้องลำไส้ จะสามารถช่วยประเมินปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณสำไส้ได้ และหากพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยลดความสูญเสีย และเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ได้ทันก่อนเกิดการลุกลาม ดังนั้น หากมีอาการที่บ่งชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหา และวินิจฉัยอาการ นำไปสู่การรักษาอย่างแม่นยำและทันท่วงที

H.Pylori คือแบคทีเรียทีมีความสามารถในการสร้างด่างเพื่อป้องกันตนเองจากกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้ H.Pylori สามารถแฝงอยู่ในร่างกายในนานเป็น 10 ปี โดยแทบไม่แสดงอาการ เสี่ยงเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารมากถึง 2-6 เท่าเมื่อเทียบกับคนปกติที่ไม่มีการติดเชื้อ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของมะเร็งกระเพาะอาหารดังนั้นการกำจัดเชื้อ Helicobacter Pylori จึงเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

การตรวจหาเชื้อ H.Pylori จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ทราบต้นตอก่อนเกิดอาการรุนแรง ซึ่งปัจจุบันสามารถทำการตรวจได้หลายวิธี โดยการตรวจวินิจฉัยเชื้อทางลมหายใจที่เรียกว่า “Urea Breath Test หรือ การเป่าลมหายใจและวัดหาระดับยูเรีย” เป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว ความแม่นยำสูง ( ความไว 88-95% ) และไม่ก่อให้เกิดการเจ็บตัว ช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดแผลในกระเพาะอาหารซ้ำ และการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร