ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผิวหนังของเราถูกทำร้ายจากสิ่งรอบตัวในชีวิตประจำวัน เพราะผิวหนังทำหน้าที่เป็นเกราะกำบังให้กับเนื้อเยื่อชั้นอื่น ๆ ของร่างกาย ดังนั้นการดูแลผิวให้สุขภาพดีจึงมีความสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกเพียงเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ผิวหนังจะช่วยปกป้องร่างกายของคุณจากไวรัสและแบคทีเรียที่อยู่รอบตัวเรา นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องอันตรายจากแสงแดดโดยเฉพาะรังสีอัลตราไวโอเลตที่สามารถทำลายเซลล์ได้ ดังนั้นมาเรียนรู้ที่จะดูแลผิวของคุณให้สวยสุขภาพดี เตรียมบอกลาผิวเสียกันได้เลย
สงสัยหรือไม่….คุณมีผิวประเภทไหน?
• ผิวธรรมดา (Normal Skin) ลักษณะผิวมีควาสมดุลไม่แห้งและไม่มันจนเกินไป มีเนื้อสัมผัสเรียบเนียน รูขุมขนเล็ก และมีลักษณะที่สะอาด ไม่มีปัญหาริ้วรอยหรือสิว
• ผิวผสม (Combination Skin) มีลักษณะผิวระหว่างผิวธรรมดา ผิวแห้ง และผิวมัน จะมีต่อมผลิตไขมันมากบริเวณ T-Zone ได้แก่ หน้าผาก คาง และจมูก ส่วนบริเวณที่ผิวแห้งหรือผิวลอกเป็นขุยเกิดจากการขาดน้ำมันช่วงบริเวณรอบดวงตาโหนกแก้ม และข้างแก้ม มักจะมีสิวหัวดำบริเวณจมูก และมีสิวขึ้นบริเวณหน้าผากและคาง
• ผิวมัน (Oily Skin) ผิวมันจะผลิตไขมันส่วนเกินทำให้หน้ามันวาวโดยเฉพาะบริเวณ T-zone ได้แก่ หน้าผาก คาง และจมูก ผิวมีลักษณะ เงา มันวาว รูขุมขนใหญ่ มีแนวโน้มที่เป็นสิวร่วมด้วย
• ผิวแห้ง (Dry Skin) ผิวแห้งมักผลิตน้ำมันตามธรรมชาติน้อยกว่าผิวประเภทอื่น ซึ่งอาจทำให้ผิวดูหมองคล้ำและหยาบกร้าน เป็นขุย รวมทั้งตกสะเก็ด มักจะรู้สึกตึงและผิวขาดน้ำอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้มีแนวโน้มเกิดริ้วรอยได้ง่าย นอกจากนี้ยังอาจคันหรือระคายเคืองผิวร่วมด้วย
• ผิวบอบบาง หรือผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) มีลักษณะระคายเคืองง่ายโดยมีสาเหตุและปัจจัยกระตุ้นผิวเช่น มลภาวะ ฝุ่นละออง สภาพอากาศ สารเคมีจากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ รวมถึงสิ่งสกปรกต่างในชีวิตประจำวัน มักประสบปัญหาผิวหน้าได้แก่ อาการระคายเคือง ผิวแห้งลอก แดง บวมตึง ผื่นแพ้ แสบคัน อักเสบ และสิว
ปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพผิว
• ความเครียด
• การพักผ่อน
• การสูบบุหรี่
• แสงแดด
• แสงสีฟ้าจากโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์
• เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน
• มลภาวะในอากาศ ได้แก่ ฝุ่นควัน ก๊าซ และฝุ่น PM 2.5
วิธีดูแลผิวให้สุขภาพดี
• การดื่มน้ำ ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว นอกจากนั้นการดื่มน้ำยังช่วยขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อ ซึ่งจะช่วยป้องกันการสะสมของสารพิษในชั้นผิวหนังได้
• ป้องกันและหลีกเลี่ยงแสงแดด ได้แก่ การใช้ครีมกันแดด สวมชุดป้องกัน และหลีกเลี่ยงแสงแดดในตอนกลางวันซึ่งเป็นช่วงที่ระดับรังสียูวีจะสูงที่สุด
• การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ได้แก่ ผัก ผลไม้ ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของเซลล์จากสภาพแวดล้อม รวมทั้งกรดไขมันจำเป็นตระกูลโอเมก้า-3 ที่ช่วยเสริมสร้างให้ผิวชั้นนอกแข็งแรง และเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ดี
• การพักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้ร่างกายของคุณป้องกันและซ่อมแซมความเสียหายของเซลล์และสร้างคอลลาเจนใหม่
• หลีกเลี่ยงความเครียด ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรังสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวโดยรวมได้ รวมทั้งยังทำให้สภาพผิวแย่ลงเช่น โรคสะเก็ดเงิน กลาก สิว และผมร่วง
• ไม่สูบบุหรี่ เพราะสารเคมีจากบุหรี่จะทำลาย คอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งเป็นเส้นใยที่ทำให้ผิวคงความแข็งแรงและยืดหยุ่นแบบผิวที่อ่อนเยาว์ และทำให้เกิดริ้วรอยได้
• การเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว จะช่วยให้ผิวได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เพราะผิวของแต่ละคนมีสภาพผิวที่แตกต่างกัน
• หมั่นออกกำลังกาย จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวให้คงไว้ซึ่งความมีชีวิตชีวา การไหลเวียนของเลือดยังช่วยขับของเสียรวมถึงอนุมูลอิสระอีกด้วย ดังนั้นการออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จะช่วยให้ผิวของคุณกระจ่างใส
ดังนั้น ไม่ว่าผิวของคุณจะเป็นอย่างไร กิจวัตรการดูแลผิวประจำวันจะสามารถช่วยให้คุณรักษาสุขภาพผิว เพราะนอกจากจะทำให้สุขภาพผิวดี สดใส สมวัยแล้ว ยังลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้อีกด้วย
แพ็กเกจแนะนำ
บทความสุขภาพอื่นๆ
VDO ความรู้สุขภาพ
บทความโดย

แพทย์หญิง หทัยทิพย์ มานุพีรพันธ์
แพทย์ผู้ชำนาญด้านผิวหนังและความงาม
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม/นัดหมาย
ศูนย์เวชศาสตร์ความงาม (Aesthetic Center) ชั้น 4
โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ( WMC )
โทร. 02-836-9999 ต่อ *4521-2
แพทย์ที่เกี่ยวข้อง


