ถุงน้ำในเต้านม หรือซีสต์ในเต้านมหลายคนอาจเคยได้ยินหรือคุ้นชินแล้ว แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจในความหมาย หรือความสำคัญของโรคได้อย่างถูกต้องนัก จึงทำให้เกิดความสับสนว่า”ซีสต์ในเต้านม”ที่ว่านี้มันคืออะไรเป็นอันตรายหรือไม่ หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นมะเร็งหรือเปล่า..

มาทำความเข้าใจกับ “ถุงน้ำในเต้านม”

ถุงน้ำในเต้านม หรือซีสต์ในเต้านม ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดการสะสมของเหลวภายในเยื่อบุท่อน้ำนม หรือเนื้อเต้านมบางจุดเป็นโพรงทำให้ของเหลวมาสะสมในโพรงนั้นจึงเห็นเป็นถุงน้ำ ซีสต์ชนิดนี้ส่วนใหญ่มักเกิดในผู้หญิงอายุระหว่าง 30-40 ปี อาจพบที่เต้านมข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้างก็ได้ ซึ่งแบ่งถุงน้ำเป็น 2 ชนิดคือ

1. ถุงน้ำชนิดดี ได้แก่ถุงน้ำเดี่ยวในเนื้อเต้านม จากอัลตราซาวด์จะเห็นเป็นลักษณะกลมหรือรูปไข่ ขอบเรียบ ด้านในพบเป็นสีดำหรือขุ่นเล็กน้อย หรือมีผนังกั้นเล็กน้อยระหว่างถุงได้ หากเจาะน้ำออกมาดูแล้วจะพบว่าเป็นน้ำเหลืองใสหรือเหลืองน้ำตาลออกขุ่น และหากมีขนาดใหญ่อาจจะเจ็บและคลำพบได้ชัดเจน โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือนเมื่อร่างกายมีภาวะบวมน้ำ ถุงน้ำเหล่านี้ก็บวมน้ำเช่นกันจึงทำให้ขนาดโตขึ้นและเจ็บมากขึ้นได้ และสามารถยุบลงได้หลังประจำเดือนหมด หากถุงน้ำขนาดใหญ่จะทำให้คลำได้ก้อนที่เต้านม หากขนาดเล็กอาจจะไม่มีอาการหรือบังเอิญพบจากการทำแมมโมแกรมหรืออัลตราซาวด์เต้านม ถุงน้ำชนิดนี้จะไม่พัฒนาต่อไปมะเร็ง และบางคนอาจจะหายไปเองได้
   วิธีการรักษาหากเจ็บหรือคลำได้ก้อนขนาดใหญ่คือการเจาะดูดนำน้ำในถุงน้ำออก โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่หากไม่มีอาการไม่จำเป็นต้องรักษาและตรวจแมมโมแกรมหรืออัลตราซาวด์ประจำปีก็เพียงพอ
2. ถุงน้ำชนิดที่มีโอกาสเป็นมะเร็ง ถุงน้ำชนิดนี้ได้แก่ ถุงน้ำที่มีก้อนเนื้ออยู่ด้านในหรือถุงน้ำที่มีขอบถุงหนาตัวมาก ถุงน้ำชนิดนี้มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ประมาณ 2-10% และจำเป็นต้องเจาะถุงน้ำนี้ไปตรวจชิ้นเนื้อ ถุงน้ำอาจเกิดขึ้นมากน้อย หรือมีความเสี่ยงอันตรายที่แตกต่างกันออกไปในผู้หญิงแต่ละคน โดยที่ถุงน้ำชนิดดี หรือไม่ดีอาการอาจคล้ายกันได้คือคลำพบก้อนที่เต้านม ดังนั้น หากคลำได้ก้อนที่เต้านม รู้สึกปวดและคัดตึงที่เต้านมร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจว่า ถุงน้ำที่ขึ้นมานั้นจะไม่ลุกลามกลายเป็นโรคอื่นที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อไป